Gastric Balloon ลดความอ้วน
Gastric Balloon (แกสตริกบอลลูน) หรือบอลลูนลดน้ำหนัก คือการใส่บอลลูนลงไปในกระเพาะอาหาร เป็นวิธีการลดน้ำหนักชนิดหนึ่งที่ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องใช้ยา มีขั้นตอนการทำที่ง่าย ทำให้ผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้อย่างชัดเจน
ภายในบอลลูน จะใส่น้ำเกลือผสมกับสารสีฟ้าที่เรียกว่า เมทิลีนบลู (Methylene Blue) ในปริมาณ 400 ถึง 500 ซีซี เพื่อเป็นการลดพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ทำให้ผู้เข้ารับการใส่บอลลูนรู้สึกอิ่มเร็ว และรับประทานอาหารได้ลดลง
ซึ่งวิธีนี้จะทำควบคู่กันกับการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร นอกจากน้ำหนักที่ลดลงแล้ว ยังทำให้สุขภาพดีขึ้นด้วย
ขั้นตอนการทำ
- ทำการตรวจร่างกาย วัดความดันโลหิต ชีพจร และระดับออกซิเจนในเลือด
- แพทย์จะพ่นยาชาที่บริเวณลำคอ หรือกลั้วปากด้วยยาชา หรือให้ยานอนหลับสำหรับผู้ป่วยที่มีความกังวล
- ใส่อุปกรณ์ช่วยในการอ้าปาก เพื่อช่วยอ้าปากระหว่างทำการใส่บอลลูน
- แพทย์จะใช้กล้องส่องเข้าไปที่หลอดอาหารทางปาก แล้วใส่แคปซูนบอลลูนลงไปยังกระเพาะอาหาร
- จากนั้นจะทำการใส่น้ำเกลือ ผสมกับสารสีฟ้าที่เรียกว่า เมทิลีน บลู (Methylene Blue) ในปริมาตร 400 ถึง 500 ซีซี
- หลังจากเติมน้ำเกลือและสารสีฟ้าในปริมาตรที่เหมาะสมแล้ว แพทย์จะค่อยๆ ดึงอุปกรณ์ออก
- การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร จะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ซึ่งบอลลูนสามารถเพิ่มหรือลดขนาดได้ภายหลัง
- นอนพักฟื้นดูอาการที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1-2 วัน หากมีอาการแน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน มากๆ แพทย์จะให้ยาลดกรด และยาแก้อาเจียน
เมื่อครบ 6 เดือน แพทย์จะปรับขนาดบอลลูนใหม่ให้เหมาะสม ในกรณีเกิดอาการผิดปกติ เช่น น้ำหนักลดลงเร็วเกินไป เพราะอาจส่งผลทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ และกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้ เนื่องจากมีการดึงพลังงานจากตับ และกล้ามเนื้อหัวใจมาใช้
ดังนั้น การที่น้ำหนักลดลงเร็วเกินไป จึงไม่เป็นผลดี ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อการปรับเปลี่ยนการรักษา
การใส่บอลลูนจะสามารถใส่ได้ไม่เกิน 1 ปี และเมื่อครบ 1 ปีแล้ว แพทย์จะปล่อยน้ำเกลือในบอลลูนออก และทำการส่องกล้องเพื่อนำบอลลูนออกมาจากกระเพาะอาหาร
ถ้าต้องการใส่บอลลูนลูกที่ 2 ต่อ จำเป็นต้องทิ้งระยะ 2-3 เดือน ก่อนการใส่บอลลูนลูกใหม่
การเตรียมตัวก่อนใส่บอลลูน
- เตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม โดยแพทย์จะตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และตรวจเลือดเบื้องต้น
- ทำการส่องกล้องหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เพื่อดูความพร้อมและประเมินความเสี่ยงของโรคประจำตัว ซึ่งต้องอยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงจะสามารถใส่บอลลูนได้
- ผู้เข้ารับการใส่บอลลูนต้องรับประทานยาลดกรด Miracid (Omeprazole) ก่อนอาหารเช้าและเย็น เป็นเวลา 14 วัน
- งดสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ และของหมักดอง
ข้อดีของบอลลูนลดน้ำหนัก
- Gastric Balloon เป็นวิธีลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ฟื้นตัวเร็ว ส่วนใหญ่จะสามารถฟื้นตัวได้ภายใน 24 ชั่วโมง
- ในระยะเวลา 1 ปี สามารถลดน้ำหนักโดยเฉลี่ย 24 กิโลกรัม
- มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักที่ชัดเจน ความปลอดภัย และมีสุขภาพที่ดีขึ้น
- วิธีนี้จะทำควบคู่กับการปรับพฤติกรรมการกิน และการออกกำลังกาย จึงทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น
อาการหลังการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- หลังการรักษา 1-2 สัปดาห์แรก อาจมีอาการปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เพราะเป็นช่วงปรับตัว และหลังจากผู้ป่วยปรับตัวได้ อาการเหล่านี้ก็จะหายไป
- แพย์จะให้ยาลดกรด และยาแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ทานควบคู่กัน เพื่อป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
- ผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร อาเจียนมากจนกระทั่งหลอดอาหารหรือกระเพราะอาหารปริ ลำไส้อุดตัน เป็นต้น
การปฏิบัติตัวหลังการใส่บอลลูน
- ในระยะแรกจะรับประทานอาหารได้น้อยลง จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่ดูดซึมง่าย เช่น นม น้ำผลไม้ โยเกิร์ต ซุปน้ำใส แกงจืด เป็นต้น
- ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ลดน้ำตาล ลดคาร์โบไฮเดรต ทานผักและโปรตีนสูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ยกเว้นการออกกำลังกายที่มีการเปลี่ยนแปลงของแรงดันมากๆ หรือการออกกำลังกายที่ต้องกระแทกหน้าท้องแรงๆ เช่น ดำน้ำ ฟุตบอล มวยไทย
- พบแพทย์ตามนัดทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อติดตามผล
- ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 10 แก้ว
- ไม่ควรรับประทานอาหารที่ร้อนหรือเย็นเกินไป
- หากทานอาหารแล้วรู้สึกปวดท้อง หรือมีอาการผิดปกติ ให้หยุดรับประทานอาหารนั้นทันที
- รับประทานอาหารครบ 3 มื้อ ให้ตรงเวลา ห้ามอดอาหารหรือรอจนกระทั่งหิว
- ไม่ควรรับประทานครั้งละมากๆ และควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
ห้ามใช้บอลลูนลดความอ้วนกับใคร?
- หญิงตั้งครรภ์ ในกรณีที่ใส่บอลลูนแล้วเกิดการตั้งครรภ์ แพทย์จะนำบอลลูนออกทันที เพราะอาจส่งผลต่อมารดาและทารกในครรภ์ได้
- ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เช่น เป็นแผลในกระเพาะ กรดไหลย้อนรุนแรง หรือเคยผ่าตัดรัดกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร
- คนที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือกินยาละลายลิ่มเลือด
- มีโรคประจำตัวรุนแรง เช่น โรคหัวใจขาดเลือด
รู้หรือไม่?
- ถ้าผู้เข้ารับการใส่บอลลูน พอใจกับน้ำหนักที่ลดลงแล้ว สามารถนำบอลลูกออกก่อนกำหนด 1 ปีได้
- วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคอ้วน หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมากๆ
- ใน 3 เดือนแรก น้ำหนักจะเริ่มลดลงประมาณร้อยละ 10 จากน้ำหนักเดิม
บอลลูน ลดน้ำหนัก ( Gastric Balloon ) ราคาในการรักษาประมาณ 100,000 บาทขึ้น แล้วแต่สถานพยาบาลที่คุณเลือก