โรคเก๊า คืออะไร ?
โรคเก๊า (Gout) เป็นโรคข้ออักเสบ ที่เกิดจากภาวะที่ร่างกายมีกรดยูริกสูงมากในเลือด สะสมมาเป็นระยะเวลานาน จนกรดยูริกนั้นตกตระกอนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
โรคเก๊าท์อาจใช้เวลานานถถึง 10 ปี กว่าจะแสดงอาการข้ออักเสบขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดอาการขึ้นบริเวณเท้า
และถ้ามีกรดยูริกสะสมตามผิวหนัง จะทำให้มีปุ่มนูนขึ้นตามผิวหนัง แต่ถ้ากรดยูริกไปตกตระกอนที่ไต จะทำให้เกิดนิ่วในไต และไตเสื่อมได้ในที่สุด
โรคเก๊าท์เกิดจากสาเหตุอะไร ?
- มีกรดยูริกในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานโดยไม่รู้ตัว
- มีกรรมพันธุ์เป็นโรคนี้
- มีพฤติกรรมชอบกินอาหารที่มีสารพิวรีนสูงเป็นประจำ ซึ่งสารพิวรีน เป็นสารตั้งต้นที่ก่อให้เกิดกรดยูริก เช่น ไก่ เครื่องในสัตว์ทุกชนิด ผักบางชนิด โดยเฉพาะแอลกอฮอล์ เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้น
- คนที่เป็นโรคอ้วน น้ำหนักเกินมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้
กรดยูริก คืออะไร?
กรดยูริก ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ร่างกายจะสร้างขึ้นเองจากการย่อยสลายของเซลล์ และสามารถขับกรดยูริกผ่านทางไต และขับออกทางปัสสาวะได้เอง
และอีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ เกิดจากการที่เรารับประทานอาหารที่มีสารพิวรีนสูงมากจนเกินไป ซึ่งสารพิวรีนจะพบในสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ พืชผักบางชนิด และอาหารทะเลบางอย่าง
แต่ถ้าร่างกายไม่สามารถขับกรดยูริกออกมาได้หมด ร่างกายก็จะเกิดการสะสมกรดยูริก โดยเฉพาะบริเวณข้อและกระดูก ผนังหลอดเลือด และไต ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดโรคเก๊าท์
อาการของโรคเก๊า
- ในระยะแรก จะมีอาการปวดแดงร้อนเฉียบพลัน ใน 24 ชั่วโมงแรก จะปวดมากที่สุด
- ไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า อยู่ดีๆก็ปวดขึ้นมาเลย โดยเฉพาะที่นิ้วโป้งเท้า และตรงข้อเท้า และเข่า
- หลังจาก 24 ชั่วโมงผ่านไปอาการตจะเริ่มดีขึ้น และจะหายสนิทภายใน 5-7 วัน
- ในระยะแรกจะมีอาการอักเสบแค่บริเวณเดียว หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง จะทำให้โรคค่อยๆ ลามไปจุดอื่นทั่วร่างกาย จะมีอาการปวดและบวมนานขึ้น และรุนแรงขึ้น
การรักษาโรคเก๊าในระยะแรก
- ในระยะแรกที่มีอาการเฉียบพลัน คือ ปวด บวมแดง ร้อน จะใช้ยาแก้ปวดเพื่อลดอาการ ดูแลตัวเองและป้องกันไม่ให้เกิดอาการซ้ำอีก โดยการงดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทานอาหารที่มีพิวรีนให้น้อยลง
- การดื่มน้ำเยอะๆ สามารถช่วยขับกรดยูริกออกมาทางปัสสาวะได้ หรือการดื่มนมสดก็ช่วยลดกรดยูริกได้เหมือนกัน แต่ถ้ากินยาแก้ปวดและดูแลตัวเองแล้ว ยังมีอาการกำเริบบ่อยกว่า 2-3 ครั้งต่อปี จะต้องใช้ยาลดกรดยูริกช่วย
- การรักษาโรคเก๊าต์แบบไม่ใช้ยา ทำได้โดยการควบคุมอาหาร สามารถช่วยลดอาการปวดได้ แต่การควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอสำหรับการรักษาโรคเก๊าต์ให้หายขาดได้
การรักษาโรคเก๊าให้หายขาด
- การกินยาเพื่อควบคุมระดับกรดยูริกไม่ให้สูง
- ทานยาต้านอักเสบโรคเก๊าท์ ชื่อยา โคลชิซิน ( Colchicine ) ยานี้จะใช้รักษาโรคเก๊าท์เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับอาการปวดเข่าหรือปอดข้อที่เกิดจากสาเหตุอื่นได้
- ผู้ป่วยต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอ และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
- ควบคุมการรับประทานอาหารที่พิวรีนไม่สูง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังจะทำให้มีเหงื่อออก ซึ่งจะช่วยขับสารยูริกออกมาทางเหงื่อได้ ทำให้กรดยูริกลดลงและสามารถควบคุมสารยูริกได้เป็นอย่างดี
- ส่วนใหญ่ใช้เวลาในการรักษาประมาณ 5-10 ปี เป็นอย่างน้อย
วิธีบรรเทาอาการปวดของโรคเก๊าท์
- แต่ควรจะพักการใช้งานของข้อ ให้นอนพักและประคบเย็นเท่านั้นก็เพียงพอ โดยใช้น้ำแข็งประคบเมื่อมีอาการปวดตามข้อเพื่อลดอาการปวด
- ถ้าปวดที่เท้าให้ยกเท้าสูง เพื่อช่วยลดการอาการบวม
- ขิง สามารถช่วยบรรเทาปวดได้ โดยการทุบขิงให้แบน ผสมกับน้ำอุ่น ใช้ประคบบริเวณที่ปวด จะทำให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยบรรเทาอาการปวดได้
หมายเหตุ: ห้ามนวดเพื่อบรรเทาอาการปวด ถ้ามีอาการปวดห้ามบีบนวดเด็ดขาด เพราะการบีบนวดจะทำให้กรดยูริกวิ่งเข้ามาในข้อเยอะมากขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น
ออกกำลังกายอย่างไร ?
ช่วงที่ข้ออักเสบ ปวด บวม ไม่ควรออกกำลังกาย ควรพักผ่อนให้เพียงพอ รักษาให้ดีขึ้นก่อน แล้วค่อยเริ่มออกกำลังกายทีละนิด
ออกกำลังกายทั่วไป ไม่เน้นหนักไปที่ข้อมากจนเกินไป เพราะข้อที่อักเสบบ่อยๆ จะทำให้ข้อเสื่อมได้ ช่วงปกติให้ออกกำลังกายธรรมดาตามวัย
โรคเก๊าท์เป็นได้ทุกวัย
โรคเก๊าต์สามารถพบได้ตั้งแต่เด็ก แต่ส่วนใหญ่จะพบในเพศชายอายุ 30-40 ปีขึ้นไป เพราะโรคเก๊าท์จะต้องใช้เวลาในการสะสมกรดยูริกนานเป็น 10 ปี กว่าจะแสดงอาการ
และสาเหตุที่ผู้ชายเป็นโรคเก๊าท์มากกว่าผู้หญิงถึง 10 เท่า อาจเป็นเพราะผู้ชายดื่มแอลกอฮอร์มากกว่าผู้หญิง
ผู้หญิงเป็นโรคเก๊าท์ตอนใหน
สำหรับผู้หญิงจะต่างกับผู้ชาย ผู้หญิงจะเป็นโรคเก๊าท์ในวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว เพราะช่วงที่มีประจำเดือนอยู่นั้น จะมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งจะช่วยขับกรดยูริกออกจากร่างกาย
ดังนั้นผู้หญิงก่อนวัยหมดประจำเดือน จะไม่เป็นโรคเก๊าท์ แต่พอหลังประจำเดือนหมดไปประมาณ 5-10 ปี ก็จะเริ่มมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้
อันตรายของโรคเก๊าท์
ไม่ถึงกับเป็นอัมพาต แต่เปรียบเสมือนเป็นอัมพาต เพราะปวดข้อมากตลอดเวลา ต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด เดินไม่ได้หรือเดินไม่ใหว ในบางรายอาจมีอาการไตวายด้วย เพราะมีการสะสมของกรดยูริกที่ไต
หรือการที่ผู้ป่วยปวดข้อมากๆ แล้วซื้อยาแก้ปวดมาทานเอง การทานยาแก้ปวดนานๆ ในการรักษาอาการปวดข้อ โดยไม่ขจัดต้นตอของโรค ก็จะทำให้ไตวายได้
วิธีป้องกัน
- ตรวจสุขภาพทุกปี พร้อมระบุการตรวจเลือดหาค่ายูริคด้วย
- ถ้าตรวจเลือดแล้วพบว่ามีกรดยูริกสูง ควรรีบปรึกษาแพทย์
- งด ละหรือเลิก เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน ถ้ารู้ว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคนี้
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
รู้หรือไม่?
- อาหารที่มีกรดยูริคสูง จะทำให้คนที่เป็นโรคเกาท์มีอาการกำเริบได้
- เมื่อสารยูริกตกตะกอน จะมีลักษณะคล้ายเกลือ มีความเล็กและแหลมคมมาก ซึ่งจะเกาะอยู่ตามข้อต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เมื่อเราขยับข้อ จะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงจนปวดและทรมานมาก
- โรคเก๊าท์ ถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรังมากๆ จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น ไตวาย ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจขาดเลือด
- ถึงจะรักษาได้หายขาดแล้ว แต่ยังมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารเหมือนเดิม ก็จะกลับไปเป็นอีกได้