อยากมีสุขภาพตาดี ต้องทำอย่างไร?
ดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบางและสำคัญมาก อยากมีสุขภาพตาดี และป้องกันโรคตา ควรตรวจเช็คสายตาทุกๆ 6 เดือน รับประทานอาหารบำรุงดวงตา และพักผ่อนให้เพียงพอ
โดยเพราะผู้ที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นประจำ หรืองานที่ต้องใช้สายตาจ้องนานๆ ซึ่งบางครั้งทำให้คุณลืมที่จะกระพริบตาทำให้ดวงตาของคุณเหนื่อยล้า
ลองใช้กฎ 20/20/20 นั้นคือ ทุกๆ 20 นาที ให้มองออกไปข้างนอกประมาณ 20 ฟุต เป็นเวลา 20 นาที จะช่วยลดอาการปวดตาได้
อาหารบำรุงสายตา
- ปลาทะเล น้ำมันชนิดโอเม้ก้า 3 ในปลาช่วยลดความเสี่ยงต้อกระจกและจอตาส่วนกลางเสื่อมสภาพ และยังลดอาการตาแห้งได้ถึง 68 เปอร์เซ็นต์
- ผลไม้สีน้ำเงิน ม่วงเข้ม เช่น บลูเบอร์รี่ เบอร์รี่สีเข้มหรือองุ่นสีม่วงดำ ช่วยในการมองเห็นในตอนกลางคืนดีขึ้น และป้องกันโรคตาบอดในตอนกลางคืนได้
- ถั่งเปลือกแข็งและเมล็ดพืช เช่น อัลมอลด์และเมล็ดทานตะวัน แนะนำให้รับประทานวันละ 1 ฝามือ เพราะมีวิตามินอีจะช่วยป้องกันต้อกระจก และจอตาเสื่อมสภาพ
- ถั่วเหลือง อุดมไปด้วยโปรตีนกรดไขมันจำเป็น ช่วยป้องกันการอักเสบที่มักเกิดขึ้นกับดวงตาที่ไม่ค่อยได้พักผ่อน
- ผัดใบเขียว โดยเฉพาะผักใบเขียวเข้ม ผักขม, ผักคะน้าหรือกระหล่ำปลี มีสารที่ทำหน้าที่กรองรังสียูวีในแสงแดด และแสงสีม่วงน้ำเงินที่ทำให้เกิดโรคจอตาส่วนกลางเสื่อมสภาพ
- ผลไม้และผักสด ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจก ต้อหิน จอภาพส่วนกลางเสื่อม
- วิตามินในมันเทศ มีส่วนในการบำรุงดวงตาของเรา โดยเฉพาะในส่วนของการมองเห็นทำให้เรามองเห็นได้ชัด
ป้องกันดวงตา ด้วยการการใส่แว่นกันแดด
แสงยูวี (อุลตร้าไวโอเล็ต) สามารถทำลายเนื้อเยื้อของดวงตาเราได้ เมื่อต้องรับรังสียูวีเป็นเวลานาน เลนส์ตาที่เป็นผลึกใส และทำหน้าที่รวมแสงได้อย่างสมบูรณ์ จะเริ่มเปลี่ยน เป็นขุนทึบจนเกิดเป็นต้อกระจก หรือต้อหินได้
เพราะฉะนั้นการใส่แว่นกันแดด จึงช่วยป้องกันดวงตาของเราได้ แต่ควรเลือกแว่นกันที่ดีและมีคุณภาพ และต้องเลือกแว่นกันแดดที่มีเครื่องหมายยูวีเท่านั้น
ตาอักเสบจากการเล่นน้ำทะเล
การเล่นน้ำทะเล อาจทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบ เพราะน้ำทะเลมีค่าเป็นกรดด่าง และความเข้มข้นไม่เท่ากับน้ำตาของเรา ทำให้เกิดการระคายเคืองที่บริเวณผิวตาได้
เมื่อมีการระคายเคือง ควรใช้น้ำตาเทียมล้างเอาความเค็มออกจากดวงตาให้เร็วที่สุด และอย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้เกิดการถลอก และเกิดแผลที่ดวงตาได้
แสงที่เป็นอันตรายต่อดวงตา
แสงที่เป็นอันตรายต่อดวงตาของเราคือ แสงสีฟ้า เพราะบริเวณตรงจุดรับภาพชัดของตาเรา มีเม็ดที่เป็นสีเหลือง ซึ่งเป็นสีที่ตรงข้ามกับแสงสีฟ้า ทำให้เวลาเรามองวัตถุที่เปล่งแสงเป็นสีฟ้าออกมา จะทำให้ถูกดูดกลืนที่บริเวณจุดรับภาพมากที่สุด และเกิดปัญหากับเซลล์รับภาพชัด ทำให้เกิดการทำลายของเซลล์ประสาทตาได้
แสงสีฟ้าอาจมีผลต่อโรคจอตาเสื่อมในอนาคตได้สำหรับคนที่ต้องสัมผัสกับแสงสีฟ้าเป็นเวลานานๆ