การกินปลาดิบ
การกินปลาดิบ สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งใด้ แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบซูชินั้นไม่จำเป็นต้องกังวล เนื่องจากเงื่อนไขของการเกิดมะเร็งนั้นคือการกินปลาดิบที่เป็นปลาน้ำจืด พยาธิใบไม้ตับ
ซึ่งเป็นพยาธิที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดในบริเวณประเทศไทย ญี่ปุ่น และไซบีเรีย สามารถก่อให้เกิดโรค มะเร็งตับ ในมนุษย์ได้ โดยการทำให้เกิดการกลายพันธุ์ที่เป็นอันตรายของเซลล์ กระตุ้นให้เนื้องอกเจริญเติบโต และหยุดการตายตามปกติของเซลล์เหล่านั้นไว้
การวิจัยช่วยป้องกันโรคมะเร็งตับได้
สุทัศน์ สุทธิประภา นักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันผู้ร่วมเขียนการวิจัยในวารสารพีแอลโอเอส ซึ่งเป็นวารสารเกี่ยวกับการวิจัยสารก่อโรค กล่าวว่า “องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง ได้จัดพยาธิชนิด โอพิสทอร์คิส วิเวอร์รินีไว้เป็นสารก่อมะเร็งชนิดที่ 1”
“คาดว่าภายในไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีโครงการรณรงค์เพื่อรักษาและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับการกินปลาดิบ”
พยาธิใบไม้ตับในมนุษย์ขนาดเล็กมีสามชนิดด้วยกัน ชนิด โอพิสทอร์คิส วิเวอร์รินีนั้นมีอยู่ตามลำธารและทะเลสาปในประเทศไทย, ลาวและกัมพูชา ซึ่งเป็นพยาธิใบไม้ตับชนิดที่นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองไป ส่วนอีกชนิดหนึ่งอยู่ในไซบีเรีย และอีกชนิดอยู่ในญี่ปุ่นและเกาหลี ปรสิตชนิดนี้นั้นพบในน้ำจืดเท่านั้น ดังนั้นการกินซูชิจากปลาทะเลจึงปลอดภัย
คล้ายคลึงกับปรสิตหลายชนิด พยาธิใบไม้ตับในมนุษย์นั้นมีวงจรชีวิตที่ซับซ้อน เริ่มจากไข่พยาธิที่ถูกปล่อยออกมาจากมนุษย์ที่ติดเชื้อ หอยทากกินไข่พยาธิเข้าไป ซึ่งจะฟักตัวและเริ่มเจริญเติบโต ท้ายที่สุดตัวอ่อนของพยาธิจะออกมาจากหอยทากว่ายไปตามน้ำและติดไปกับผิวหนังของปลาน้ำจืด เมื่อมนุษย์กินปลาน้ำจืดดิบๆเข้าไป ซึ่งวิธีที่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยได้รับเชื้อโดยการกินปลาดิบหมัก ปลาร้าดิบ ปรสิตก็จะออกมาจากลำไส้เล็กและเข้าไปอาศัยอยู่ในตับของมนุษย์
เมื่อมีขั้นตอนสามอย่างเกิดขึ้นในตับก็จะก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
ขั้นแรก ร่างกายมนุษย์จะพยายามฆ่าพยาธิด้วยการปล่อยอนุมูลอิสระออกมา แต่พยาธิมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีเหล่านี้ ดังนั้นอนุมูลอิสระจึงย้อนกลับเข้ามาในเซลล์ตับ และทำให้ดีเอ็นเอของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป
ขั้นต่อมา พยาธิใบไม้จะกระตุ้นให้เซลล์ที่กลายพันธุ์สร้างสารแกรนูลิน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการเจริญเติบโตชนิดหนึ่ง ช่วยให้พยาธิใบไม้เจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ และนับเป็นโชคร้ายของมนุษย์ที่แกรนูลินเป็นสารกระตุ้นให้เซลล์มะเร็ง เจริญเติบโตและแพร่กระจายด้วยเช่นกัน
และท้ายสุด พยาธิใบไม้ป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งตายในเวลาที่สมควร ได้แก่ วิธีอพ็อพโทซิส หรือการตายโดยถูกควบคุมล่วงหน้าไว้แล้วของแต่ละเซลล์ เป็นทางหนึ่งที่ร่างกายมีไว้เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยจากผลการศึกษาที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ พบว่า พยาธิใบไม้ก็สร้างโปรตีนอีกชนิดหนึ่งขึ้นมาเพื่อหยุดการตายของเซลล์แบบวิธีอพ็อพโทซิสอีกเช่นกัน
การที่มีพยาธิใบไม้ตับเพียงอย่างเดียวจะทำให้เกิดมะเร็งตับได้เล็กน้อย แต่สาเหตุส่วนใหญ่นั้นมาจากอาหารที่ผู้ติดเชื้อปรสิตส่วนใหญ่กินเข้าไป อาหารที่เป็นที่นิยมก็คือปลาหมัก หรือที่รู้จักกันดีในนามของ “ปลาร้า” เป็นอาหารที่มีไนโตรซามีนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งสารนี้ก็เป็นสารก่อมะเร็งเช่นกัน โดยนอกจากมะเร็งตับแล้วยังเกี่ยวข้องกับมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย
“ในการศึกษาในช่วงแรก หนูแฮมสเตอร์ที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับจะมีจำนวนไม่มากนักที่กลายเป็นโรคมะเร็ง” สุทัศน์กล่าว “แต่เมื่อใส่สารไนโตรซามีนในอาหารที่ให้หนูที่มีพยาธิใบไม้ตับลงไปด้วยก็พบว่าหนูแฮมสเตอร์ส่วนใหญ่เกิดโรคมะเร็งขึ้น”
พยาธิใบไม้ตับไม่ใช่สารก่อโรคเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง เชื้อแบคทีเรียชนิด เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร, เชื้อไวรัสเริม รวมทั้งเชื้อโรคต่างๆมากมายต่างก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ แต่โอกาสเกิดมีเพียงน้อยกว่าร้อยละ 1 ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อเหล่านั้น ในขณะที่ผู้ป่วยกว่าเก้าล้านคนที่ติดเชื้อโรคพยาธิใบไม้ตับชนิดโอพิสทอร์คิส วิเวอร์รินีนั้น มีถึงประมาณร้อยละ 33 ที่กลายเป็นมะเร็ง
ยังมีความหวังสำหรับผู้ที่ติดเชื้อพยาธิตัวแบน ปรสิตชนิดนี้สามารถฆ่าได้ด้วยยาพราซิควอนเทล หนึ่งในยาที่จำเป็นขององค์การอนามัยโลก ปัญหาสำคัญอยู่ที่ประชาชนยังมีพฤติกรรมที่ทำให้ติดเชื้ออยู่
“พวกเขาสามารถกินยาเพื่อรักษาพยาธิใบไม้ได้ด้วยตนเอง” สุทัศน์กล่าว “แต่การติดเชื้อซ้ำในแต่ละครั้งทำให้เกิดความเสียหายต่อท่อน้ำดีมากขึ้นเรื่อยๆ”
การเชื่อมโยงการติดเชื้อปรสิตกับมะเร็งนั้นมีน้อยมาก พอลลี่ เซเกอร์นักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้ ซึ่งคุ้นเคยกับการวิจัยกล่าว การเชื่อมโยงการกินปลาดิบกับมะเร็งนั้นน่าจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งตับในประเทศไทย ลาว และประเทศข้างเคียง และยังช่วยให้นักวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ศึกษาเกี่ยวกับมะเร็งมากขึ้นอีกด้วย
แนวทางในการป้องกันโรค
ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยการเลิกกินปลาร้าดิบ ปลาน้ำจืดที่มีเกล็ดแบบสุกๆ ดิบๆ อย่างถาวร เพราะปลากลุ่มดังกล่าวจะมีไข่พยาธิใบไม้ตับอยู่ตามเกล็ดปลา ถึงแม้ว่ามียารักษาฆ่าพยาธิที่บางคนเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลปีละหลายๆ ครั้งก็ตาม แต่การกินยาถ่ายพยาธินั้นควรกินไม่เกิน 1 ครั้ง เนื่องจากการกินยาฆ่าพยาธิบ่อยๆ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งท่อน้ำดีได้เช่นกัน
นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า อัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งท่อน้ำดีของประชาชนในภาคอีสานมีอัตราการเสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 40 คน ต่อประชาชน 1 แสนคน ขณะที่เฉลี่ยทั่วโลกมีอัตราการเสียชีวิตของโรคนี้อยู่ที่ประมาณ 1-2 คน ต่อประชาชน 1 แสนคน เท่านั้น