โรคเบาหวาน
โรคเบาหวาน (Diabetes) คือ ปัสสาวะหวานนั้นเอง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ปัสสาวะหวาน เพราะร่างกายเราไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้หมด น้ำตาลที่เหลือก็จะผสมอยู่ในกระแสเลือด และถูกไตขับทิ้งออกจากร่างกายทางปัสสาวะ เป็นเหตุให้ปัสสาวะหวาน
น้ำตาลเกินในกระแสเลือด
- คนปกติ ตับอ่อนจะผลิตฮอร์โมนที่ชื่อ อินซูลินออกมา ซึ่งอินซูลินมีหน้าที่นำน้ำตาลออกไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน
- คนเป็นเบาหวาน ถ้าอินซูลินเกิดบกพร่อง จะทำให้อินซูลินนำน้ำตาลไปให้เซลล์ต่างๆ ได้น้อย จึงเหลือน้ำตาลในกระแสเลือดมากเกินไป เป็นสาเหตุให้ปัสสาวะออกมาหวาน
อินซูลินไม่มีคุณภาพ หรือมีปริมาณน้อย
- ตับอ่อนผลิตอินซูลินออกมาได้น้อยลง จึงทำให้มีอินซูลินน้อยกว่าปริมาณน้ำตาล น้ำตาลที่เหลือจะไปอยู่ในกระแสเลือดมาก ทำให้กลายเป็นเบาหวาน
- ในคนอ้วน อินซูลินไม่สามารถพาน้ำตาลไปได้ เพราะเซลล์ไขมันจะผลิตฮอร์โมนบางตัวออกมารบกวนการทำงานของอินซูลิน ทำให้อินซูลินทำงานได้ไม่เต็มที่
- สตรีมีครรภ์ ในสตรีบางคน เวลาตั้งครรภ์จะผลิตฮอร์โมนบางตัวออกมารบกวนการทำงานของอินซูลิน
- อินซูลินบกพร่อง ซึ่งพบน้อยมากเกิดจากการผิดปกติของยีนต์
กลุ่มเสี่ยงเป็นเบาหวาน
- มีพ่แม่ญาติพี่น้องเป็นเบาหวาน
- คนอ้วน น้ำหนักเกิน จะพบว่าคนอ้วนเป็นเบาหวานถึง 85 เปอร์เซ็นต์
- คนที่มีประวัติว่าตั้งครรภ์แล้วแท้งบ่อยๆ สาเหตุคือ แม่เป็นเบาหวานแล้วไม่ทราบทำให้โอกาสแท้งได้
- ผู้ที่เป็นแผลติดเชื้อบ่อย เช่น แผลที่มือ เท้า ปัสสาวะอักเสบ เป็นแผลแล้วหายช้าต้องรีบไปตรวจ
วิธีตรวจเบาหวาน
วิธีการตรวจหาค่าน้ำตาลในเลือดแบบคราวทำได้ง่าย ด้วยเครื่องตรวจเบาหวานโดยการเจอะเลือดบริเวณปลายนิ้วแค่หยดเดียว ก็จะรู้ค่าของน้ำตาลในเลือดได้แล้ว สามารถทำเองได้ที่บ้าน
ค่าของน้ำตาลในเลือด
- คนปกติ ก่อนทานอาหารต้องมีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 100 มิลลิกรัม ต่อ เดซิลิตร หลังอาหารต่ำกว่า 140 มิลลิกรัม ต่อ เดซิลิตร
- คนที่เป็นเบาหวาน ค่าของน้ำตาลในเลือดจะมากกว่า 126 มิลลิกรัม ต่อ เดซิลิตร ก่อนทานอาหาร และมากกว่า 200 มิลลิกรัม ต่อ เดซิลิตร หลังจากทานอาหาร
- คนที่อยู่ระหว่างกลาง ผู้ที่อยู่ระหว่าง 100-125 ก่อนทานอาหาร และ 140-199 หลังทานอาหารนั้น อยู่ในกลุ่มเสี่ยง อาจเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ ต้องทำการตรวจไหม่ โดยการเจาะเลือดจากเส้นเลือดดำ ซึ่งจะก่อนทำการตรวจต้องอดอาหาร 6-8 ชั่วโมงในตอนกลางคืน แล้วมาเจอะเลือดในตอนเช้า
หลังจากเจาะเลือดครั้งแรก จะต้องดื่มน้ำตาลกลูโคสทันที 1 แก้ว ให้หมดภายใน 5 นาที แล้วรออีก 2 ชั่วโมง จึงจะทำการเจอะเลือดอีกครั้ง เพื่อดูความแตกต่างระหว่างก่อน และหลังจากที่ร่างกายได้รับน้ำตาล ดูว่าฮอร์โมนอินซูลิน จะยังมีคุณภาพสามารถพาน้ำตาลไปใช้ได้ดีขนาดใหน มีเหลือตกค้างหรือไม่
อาการของคนเป็นเบาหวาน
- เข้าห้องน้ำบ่อย รู้สึกเหมือนต้องการปัสสาวะทั้งวัน การถ่ายปัสสาวะจะบ่อยขึ้นหากมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงเกินไป
- รู้สึกหิวน้ำจนต้องดื่มน้ำมากกว่าปกติ รู้สึกว่าดื่มน้ำเท่าไหร่ก็ไม่พอ อาจเป็นสัญญาณเตือนของเบาหวานได้
- น้ำหนักลดโดยไม่ได้ตั้งใจ อาการนี้จะเด่นชัดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1
- อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า สาเหตุจากกลูโคสอีกเช่นกัน เซลล์ของร่างกายจะขาดแคลนพลังงาน ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยง่าย และร่างกายทรุดโทรมลงเรื่อยๆ
- มีมีอาการเหน็บชา หรือรู้สึกเหมือนเข็มทิ่มบริเวณมือ ขา หรือเท้า อาการนี้เรียกว่า เส้นประสาทอักเสบ ซึ่งจะเป็นมากขึ้นทีละน้อย
- มีอาการตามัว ผิวหนังแห้งหรือคัน มีการติดเชื้อบ่อยขึ้น บาดแผลหายช้า อาจเป็นอาการเบื้องต้นของการเป็นโรคเบาหวาน
อาการเหล่านี้เกิดจากการที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงเกินไป หากคุณสังเกตว่าตนเองมีอาการข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจ
รู้หรือไม่?
- คนผอมก็เป็นเบาหวานได้ เพราะคนๆนั้นไม่มีอินซูลีน เพราะตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลีนออกมาได้ แสดงว่ามีปัญหาเรื่องตับอ่อน
- เบาหวานทำให้ตาบอดได้ เบาหวานทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตาเกิดผิดปกติ เส้นเลือดแตกแล้วไปกระจายอยู่ในจอตาทำให้การเห็นภาพผิดปกติ