ผลไม้ลดน้ำหนัก
ผลไม้ลดน้ำหนัก นับเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการอดอาหาร หรือการกินยาลดน้ำหนัก การกินผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมันสามารถควบคุมปริมาณแคลอรี ให้วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายด้วย แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย
ผลไม้ลดน้ำหนัก 8 อย่าง
1. แอปเปิ้ล
ราชาผลไม้ลดความอ้วน ในแอปเปิ้ลมีน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ง่ายต่อการดูดซึมไปใช้ประโยชน์ ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที จะช่วยลดความอยากอาหาร และควบคุมน้ำหนักได้ดี อีกทั้งกากใยจากเปลือกแอปเปิ้ล ยังช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย
แอปเปิ้ล 1 ลูก มีแคลอรีเพียง 59 แคลอรี แถมยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย โดยเฉพาะเพกติน มีคุณสมบัติพองตัว มันจึงเพิ่มกากใยอาหารได้ดี ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยดักจับคอเลสเตอรอลในร่างกาย แถมยังช่วยกำจัดสารพิษในร่างกายอีกด้วย
การทานแอปเปิ้ลเพื่อลดน้ำหนัก นิยมรับประทานแทนอาหารมื้อเย็น แต่ทั้งนี้ต้องรับประทานทั้งเปลือกเพราะถ้าปลอกเปลือกออก สารอาหารสำคัญต่างๆ ก็จะลดน้อยลงไปด้วย
2. สตรอเบอร์รี่
สตรอเบอร์รี่มีแคลอรีเพียง 50 แคลอรี และ มีน้ำตาล 7 กรัม แต่มีเส้นใยอาหารถึง 3 กรัม แต่สิ่งที่สุดยอดเกี่ยวกับสตรอเบอร์รี่ (และผลเบอร์รี่ทั้งหมด) คือ มันตอบสนองความต้องการของหวานและน้ำตาลของคุณได้เป็นอย่างดี แถมยังมีสารอาหารที่น่าประทับใจอื่นๆ อีกมากมาย
3. มะละกอ
ในมะละกอสุกนั้น จะมีไขมันน้อยมากจนเรียกว่าไม่มีเลยก็ได้ และยังให้พลังงานไม่ถึง 50 แคลอรี่ต่อ 100 กรัม ดังนั้นมะละกอจึงเป็นผลไม้ลดน้ำหนักอีกชนิดหนึ่ง ที่ผู้คนนิยมรับประทาน
4. เบอร์รี่
ผลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่, แบล็กเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ เต็มไปด้วนสารอาหาร และมีน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น มะม่วง หรือกล้วย นั่นคือเหตุผลที่ผลเบอร์รี่มักถูกยกย่องให้เป็นผลไม้เผาผลาญไขมันที่ดี
ผลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง และมีแคลอรีต่ำ แถมยังหวานแบบมีประโยชน์ เส้นใยในผลเบอร์รี่ช่วยให้อิ่มเร็ว อิ่มนาน มีวิตามินแร่ธาตุ และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
5. แก้วมังกร
เป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง และแคลอรีต่ำ แถมยังมีรสหวานอร่อย หลาย ๆ คน จึงเลือกรับประทานแก้วมังกรเป็นอาหารเย็น หรือทานรวมกับผักสลัดอื่น ๆ เพื่อช่วยลดน้ำหนัก
และนอกจากลดน้ำหนักแล้ว ผลพลอยได้จากแก้วมังกรที่คุณสาว ๆ ไม่ควรพลาดอีกเช่นกันก็คือ แก้วมังกรเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิด ที่มีวิตามินซีสูงมาก ดังนั้น จึงช่วยบำรุงผิวพรรณไปในตัว แถมยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม ดีต่อคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตร
6. ฝรั่ง
สุดยอดผลไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีชนิดนี้ ช่วยให้คุณลดความอ้วนได้ไม่ยาก เพราะฝรั่งเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ แถมยังเคี้ยวเพลินอีกต่างหาก จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่อยากกินจุบกินจิบเรื่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้ว วิตามินซีในฝรั่ง ยังช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงไร้ริ้วรอยอีกด้วย เพราะฉะนั้น หิวครั้งหน้าก็อย่าลืมคว้าฝรั่งมาทานแทนขนมกรุบกรอบนะคะ
คำเตือนก็คือ ทานแต่ฝรั่งเปล่า ๆ เท่านั้นนะ อย่าเผลอจิ้มพริกเกลือ พริกน้ำตาล เด็ดขาด เพราะจะทำให้อ้วนได้
7. เกรปฟรุต
ผลไม้ที่ดีที่สุดในการลดไขมัน ช่วยให้คุณกินแคลอรีน้อยกว่าที่คุณเผาออกไป ตัวอย่างเช่น คุณกินเกรปฟรุตครึ่งลูกก่อนมื้ออาหาร จะช่วยให้น้ำหนักคุณลดลงอย่างเหลือเชื่อ
นักวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า การกินเกรปฟุตครึ่งลูกก่อนมื้ออาหารนั้น จะช่วยให้คุณลดแคลอรีได้ถึง 150 แคลอรีต่อวัน แถมเกรปฟรุตครึ่งลูกมีแคลอรีอยู่เพียง 39 แคลอรีเอง ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่กำลังลดความอ้วน
8. อะโวคาโด
เป็นที่นิยมในแถบทวีปอเมริกาและยุโรป กรดไขมันในอะโวคาโดเป็ดกรดไขมันที่ดี ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในอะโวคาโด้ จะช่วยเพื่อเผาผลาญไขมันอิ่มตัวในร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันร้ายในหลอดเลือด ทำให้โอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบและหัวใจวายลดลง มีสารอาหารสูงและหลากหลาย มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก
ผลไม้ที่กินแล้วอ้วน
การอดอาหารแล้วหันมาบริโภคแต่ผลไม้ นับเป็นทางเลือกที่ดี แต่ใครจะรู้ล่ะว่า “ผลไม้” ที่ทั้งอร่อยและได้ประโยชน์ ก็สามารถสร้างความปวดใจให้กับน้ำหนักตัวของเราได้
เพราะผลไม้บางชนิด นอกจากจะไม่ช่วยให้อิ่มท้องแล้ว ยังสามารถทำให้น้ำหนักตัวของเรามากขึ้น เนื่องจากน้ำตาลในผลไม้นั้นค่อนข้างมาก
โดยความหวานที่ว่านี้ จะให้พลังงานแก่ร่างกาย ยิ่งถ้าเราไม่ทานโปรตีน และผักที่เป็นไฟเบอร์เลย ร่างกายก็จะเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลในผลไม้เหล่านี้ ให้เป็นไขมันสะสม
ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอ้วนลงพุงได้ ดังนั้น ก่อนจะลดน้ำหนักด้วยผลไม้จึงควรศึกษาให้ละเอียดก่อน
9 ผลไม้ที่กินแล้วอ้วน!
สำหรับผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลมากก็สังเกตได้ไม่ยาก พวกสีเหลือง ๆ รสหวานจัด ๆ เช่น ทุเรียน กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม ขนุน มะม่วงสุก เงาะ ลำไย ลองกอง ลางสาด และละมุด
รู้หรือไม่?
- น้ำผลไม้คั้น แม้จะไม่ใส่น้ำตาล แต่แท้จริงแล้วก็มีน้ำตาลธรรมชาติจำนวนมาก ซึ่งถ้าดื่มแล้วไม่ออกกำลังเผาผลาญทิ้งไป ก็อาจทำให้อ้วนมากกว่าการดื่มนมจืดขาดมันเนยเสียอีก
- การที่เราเลือกรับประทานผลไม้จืดหรือเปรี้ยว แทนอาหาร 1 มื้อ เช่น กล้วย ฝรั่ง แอปเปิ้ล แก้วมังกร หรือสับปะรด นับเป็นวิธีการที่ผิดอย่างร้ายแรง
- การรับประทานมะม่วงสุก 3 ลูก จะเทียบเท่ากับการให้พลังงานประมาณข้าวขาหมู 1 จาน หรือถ้าเปลี่ยนจากข้าวมาเป็นผลไม้อย่าง ฝรั่ง หรือมะม่วง ก็เท่ากับรับประทานแป้งเหมือนเดิม แต่มีน้ำตาลมากกว่า
- ปริมาณน้ำตาลที่นักโภชนาการแนะนำให้รับประทานต่อวันคือ ไม่ควรเกิน 4 ช้อนชาสำหรับเด็ก และ 6 ช้อนชาสำหรับผู้ใหญ่
- หากเราดื่มน้ำผักผลไม้รวมพร้อมดื่ม 1 แก้ว หรือประมาณ 200 มิลลิลิตร เราจะได้น้ำตาลประมาณ 4 ช้อนชา ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง เมื่อรวมกับอาหารทั้งวันที่รับประทาน